ร้านของคุณเป็นร้านอะไรครับ
วัสดุก่อสร้าง โรงหลังคาเหล็ก ร้านกระจกอลูมิเนียม ร้านมินิมาร์ท ร้านค้าปลีกส่ง
ร้านสวัสดิการในโรงเรียน/บริษัท โรงรับซื้อขยะรีไซเคิล ร้านยางรถยนต์ ร้านเกษตร …
ซึ่งในปัจจุบันการขายใช้วิธีเขียนบิลใช่ไหมครับ
สิ้นวันมาสรุปในสมุดหรือ excel เพื่อตรวจสอบ และหลายๆ ร้านไม่ได้ทำอะไร
นอกจากนับเงินเสร็จก็จบ
หากพูดถึงสต็อกสินค้าไม่เคยนับเลย
หรือบางร้านนับเฉพาะของที่มีราคา หายง่าย เท่านั้น
ปัญหาที่ส่วนใหญ่จะพบคือ
1.อยากรู้กำไร
ทำมาหลายปี กำไรขั้นต้น = ไม่รู้ หรือ ต้องใช้เวลาในการรู้
รวมถึงต้นทุนในการดำเนินงาน เช่น ค่าแรง ค่าน้ำมัน ค่าซ่อมรถ วัสดุสำนักงาน
ก็ไม่ได้บันทึก
ทำให้คุณไม่มีค่าใช้จ่ายไปหักกำไรขั้นต้น = ไม่รู้กำไรสุทธิ
” ไม่เป็นไร ดูเงินในบัญชีก็มีเงินเหลือ แสดงว่า กำไร ”
( แต่น่าจะเคยพบว่า บางเดือนเงินที่เหลือมันน้อยจนต้องขอ OD เพิ่มไหมครับ ? )
เมื่อคุณมีระบบใช้งาน
ตัวอย่าง ร้านวัสดุก่อสร้างที่ใช้โปรแกรม conmat แห่งหนึ่งที่ภาคใต้ เป็นคนหนุ่มวัย 26 ปี (รุ่น2)
มีพนักงานขาย 5 คนเขียนบิลมือ
เมื่อใช้ระบบทำให้รู้ชัดว่า ร้านมีกำไรเท่าไรกันแน่
ผ่านไป 3-4 ปี เจ้าของต้องการเงินลงทุนกับธุรกิจรับเหมา
ก็ใช้ข้อมูลจากระบบไปยื่นกู้ bank ได้
( ส่วนตัวผู้เขียนก็ใช้โปรแกรมร้านวัสดุฯ
มาบันทึกรายรับรายจ่าย
แล้วก็ยื่นกู้ bank มา 3 รอบแล้วเช่นกันครับ )
2.สต็อกสินค้า
” ไม่รู้เลย เพราะไม่เคยนับ ”
” รู้สิ แต่รู้เฉพาะบางตัวที่ซีเรียส เช่น เหล็กรูปพรรรณต่างๆ ”
( ถ้าเป็นรีไซเคิลก็รู้สต็อกเฉพาะของแพง เช่น ทองแดงเบอร์ 1-4 )
ถาม : ถ้าคุณมีลูกน้องเป็นมดงานที่กินน้อยๆ อย่างสม่ำเสมอ เนียนๆ
ทยอยเอาไป หรือ
ลูกน้องซื่อสัตย์ทุกคน แต่เวลาขึ้นของมีสะเพร่า ขึ้นเกินบ้าง
จะตรวจสอบให้พบอย่างรวดเร็ว และ เสียหายน้อยได้อย่างไร?
ผมมีเคสที่ร้านวัสดุก่อสร้าง หลายร้านที่ขึ้นเกินแบบสะเพร่า
และ “จงใจ” ทุจริตกับช่างที่มาซื้อของเลยครับ
มันทำจนเคยชิน จนมีระบบเข้ามานับสต็อก
ไม่นานเรื่องก็แดง จับได้ เพราะตรวจสอบจากระบบก็เห็นว่า
ของหายไปผิดปกติ
เมื่อคุณมีระบบใช้งาน
ลูกค้าร้านวัสดุถาม ” มีเหล็ก GI 1*1 1.2มม. สัก 300 เส้นไหม
คุณตอบได้ทันที
ลูกค้าร้านเกษตรถาม “ขอซื้อหัววัว 15-15-15 สัก 100 กส.
คุณก็ตอบได้ทันทีครับ
3.Dead stock = สินค้าค้างสต็อก
เราไปติดตั้งระบบให้ร้านค้าวัสดุแห่งหนึ่งที่โคราช
ขณะขอเดินชมร้าน ได้ชี้ไปที่กระเบื้องที่กองอยุ่ ซึ่งดูเก่าแล้วถามว่า อยู่มานานหรือยัง
“ตั้งแต่ก่อนพวกผมแต่งงานกัน ก็น่าจะสัก 2-3 ปีมั้งครับ ป๊ากับหม้า ยังเก็บไว้อยู่”
นี่เป็นตัวอย่าง dead stock ชัดๆ
เมื่อคุณมีระบบใช้งาน
ตัวอย่าง ร้านในภาคเหนือตอนล่าง ใช้ระบบแล้วให้คัดกรองสินค้า dead stock นี้
โดยไปที่รายงานสินค้าไม่เคลื่อนไหว แล้วกำหนดเงื่อนไขจำนวนวัน
ซึ่งกระเบี้องหลายรุ่นเป็นพระเอกนำทีมมาทีเดียว
ก็สั่งลูกน้องยกไป sale ขายหน้าร้านเลย
จังหวะเราแวะเยี่ยมก็ได้ข้อมูลว่า
“ยอมขายเท่าทุนบ้าง ต่ำกว่าทุนบางตัวที่มันมีน้อย
แต่กลับขายปูนยาแนว และสินค้าอื่นๆ ไปด้วย ทำให้ยอดขายดีขึ้น
มีที่ว่างเอาของอื่นมาขายเพิ่ม”
4.ไม่ซื้อของซ้ำ + จุดสั่งซื้อ
ขณะที่เรากำลังสอนเจ้าของใช้งานโปรแกรมร้านค้าวัสดุก่อสร้าง
มีรถขนส่งมาส่งสินค้า เจ๊เห็นของที่ลูกน้องsupplier
แบกเข้ามาแล้วขมวดคิ้วทันทีพร้อมตะโกนถามทันที
“ทำไมมาส่งซ้ำล่ะ อาทิตย์ก่อนก็มาส่งแล้วนี่”
คนแบกของตอบ ” ก็เจ๊สั่งเพิ่มไปนี่ครับ”
สรุปคือ เจ๊สั่งสินค้าตัวเดิมซ้ำจริงๆ เพราะงานยุ่ง
งานทุกอย่างมารวมอยู่ที่เธอคนเดียว!!!
จะดีกว่าไหมครับ ที่เวลาสั่งของ ก็ไปบันทึกหน้าสั่งซื้อ
แล้วถ่ายรูปเอกสารส่งให้ sale ของ supplier
เวลาจะมาสั่งซื้ออีกก็เสียเวลาแค่คลิกและค้นดูว่า
ฉันสั่งไปแล้วหรือยัง รวมถึง ไปคลิกดูสต็อกก่อน
เครื่องมือที่จะช่วยในการสั่งของคือ จุดสั่งซื้อ
เช่น เหล็กกล่อง GI 1*1 1.2มม. ตั้งจุดสั่งซื้อไว้ที่ 20 เส้น
เมื่อสต็อก เท่ากับหรือน้อยกว่า 20 ระบบจะแสดงที่รายงานสินค้าถึงจุดสั่งซื้อ
ทำให้ก่อนซื้อของ คุณเพียงคลิกทีรายงานจุดสั่งซื้อ ก็จะไม่ต้องซื้อของซ้ำครับ